ยะถาปิ เสลา วิปุลา นะภัง อาหัจจะ ปัพพะตา, สะมันตา อะนุปะริเยยยุง นิปโปเถนตา จะตุททิสา
ภูเขาใหญ่แล้วด้วยศิลาจรดท้องฟ้า, กลิ้งบดสัตว์มาโดยรอบทั้ง ๔ ทิศ แม้ฉันใด
เอวัง ชะรา จะ มัจจุ จะ อะธิวัตตันติ ปาณิโน
ความแก่และความตายก็ฉันนั้น, ย่อมครอบงำสัตว์ทั้งหลาย
ขัตติเย พราหมะเณ เวสเส สุทเท จัณฑาละ ปุกกุเส
คือพวกกษัตริย์ พวกพราหมณ์ พวกแพศย์ พวกศูทร, พวกจัณฑาล และคนเทมูลฝอย
นะ กิญจิ ปะริวัชเชติ สัพพะเมวาภิมัททะติ
ไม่เว้นใครๆไว้เลยย่อมย่ำยีเสียสิ้น
นะ ตัตถะ หัตถีนัง ภูมิ นะ ระถานัง นะ ปัตติยา
ณ ที่นั้นไม่มียุทธภูมิสำหรับพลช้างพลม้า, ไม่มียุทธภูมิสำหรับพลรถ, ไม่มียุทธภูมิสำหรับพลราบ
นะ จาปิ มันตะยุทเธนะ สักกา เชตุง ธะเนนะ วา
และไม่อาจจะเอาชนะ, แม้ด้วยการรบด้วยมนต์, หรือด้วยทรัพย์
ตัสสะมา หิ ปัณฑิโต โปโส สัมปัสสัง อัตถะมัตตะโน
เพราะฉะนั้นแล, บุรุษผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญา, เมื่อเล็งเห็น ประโยชน์ตน
พุทเธ ธัมเม จะ สังเฆ จะ ธีโร สัทธัง นิเวสะเย
พึงตั้งศรัทธาไว้ในพระพุทธเจ้า, ในพระธรรมและในพระสงฆ์
โย ธัมมะจารี กาเยนะ วาจายะ อุทะ เจตะสา
ผู้ใดมีปรกติประพฤติธรรมด้วยกาย, ด้วยวาจาหรือด้วยใจ
อิเธวะ นัง ปะสังสันติ เปจจะ สัคเค ปะโมทะติ ฯ
บัณฑิตทั้งหลาย, ย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้นั่นเทียว, ผู้นั้นละโลกนี้ไป, ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ฯ